วัคซีนมะเร็งปากมดลูก คืออะไร? ป้องกันได้จริงไหม? ฉีดเมื่อไหร่ดี?

มะเร็งปากมดลู ถือว่าเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของผู้หญิงไทย แต่เราสามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก ซึ่งหลายคนอาจยังไม่เข้าใจว่าวัคซีนนี้ทำงานอย่างไร ฉีดเมื่อไหร่ดี และใครควรฉีดบ้าง

 

วัคซีนมะเร็งปากมดลูกคืออะไร?

วัคซีนมะเร็งปากมดลูกหรือที่เรียกกันทั่วไปว่า วัคซีน HPV (Human Papillomavirus) เป็นวัคซีนที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูก รวมถึงโรคอื่นๆ เช่น หูดหงอนไก่ มะเร็งช่องคลอด มะเร็งทวารหนัก และมะเร็งช่องปาก

 

เชื้อ HPV คืออะไร?

เชื้อ HPV เป็นไวรัสที่สามารถติดต่อผ่านการสัมผัสทางเพศ แม้ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์แบบสอดใส่ก็สามารถติดเชื้อได้ โดยเชื้อนี้มีมากกว่า 100 สายพันธุ์ แต่มีอยู่ประมาณ 14 สายพันธุ์ที่เสี่ยงต่อการก่อให้เกิดมะเร็ง โดยเฉพาะสายพันธุ์ HPV 16 และ 18 ซึ่งเป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกกว่า 70%

 

ทำไมต้องฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก?

  • ลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งปากมดลูก ได้ถึง 70–90%
  • ป้องกันโรคอื่นที่เกี่ยวข้องกับ HPV เช่น หูดหงอนไก่ มะเร็งช่องคลอด มะเร็งปากช่องคลอด และมะเร็งทวารหนัก
  • ยิ่งฉีดตั้งแต่อายุยังน้อย ยิ่งมีประสิทธิภาพสูง
  • ฉีดเพียงไม่กี่เข็ม แต่ป้องกันโรคร้ายได้ตลอดชีวิต

 

วัคซีนมะเร็งปากมดลูก มีกี่ชนิด?

  • วัคซีนชนิด 2 สายพันธุ์ (Cervarix) – ป้องกัน HPV สายพันธุ์ 16 และ 18
  • วัคซีนชนิด 4 สายพันธุ์ (Gardasil) – ป้องกันสายพันธุ์ 6, 11, 16, 18
  • วัคซีนชนิด 9 สายพันธุ์ (Gardasil 9) – ป้องกันได้ถึง 9 สายพันธุ์ที่เกี่ยวข้องกับโรคร้าย

 

ใครควรฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก?

  • เด็กหญิงและหญิงวัยรุ่นอายุ 9–14 ปี: เป็นช่วงที่แนะนำให้ฉีดมากที่สุด เพราะยังไม่ได้สัมผัสเชื้อ HPV มาก่อน
  • หญิงอายุ 15–26 ปี: ยังสามารถฉีดได้ และได้ผลดี
  • ผู้หญิงอายุมากกว่า 26 ปี: สามารถฉีดได้เช่นกัน แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อน
  • ผู้ชาย: แนะนำให้ฉีดเพื่อป้องกันหูดหงอนไก่และลดการแพร่เชื้อ HPV ไปยังคู่นอน

 

ฉีดวัคซีน HPV กี่เข็ม? ต้องฉีดซ้ำไหม?

  • จำนวนเข็มที่ต้องฉีดขึ้นอยู่กับอายุผู้รับวัคซีน
  • อายุผู้ฉีด จำนวนเข็มที่แนะนำ
  • 9–14 ปี 2 เข็ม (ห่างกัน 6–12 เดือน)
  • 15 ปีขึ้นไป 3 เข็ม (0, 1-2, 6 เดือน)
  • ไม่จำเป็นต้องฉีดซ้ำทุกปี หากฉีดครบแล้วจะมีภูมิคุ้มกันในระยะยาวหลายปี

 

ค่าใช้จ่ายในการฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก

  • วัคซีน 2 สายพันธุ์: เข็มละ 1,800–2,500 บาท
  • วัคซีน 4 สายพันธุ์: เข็มละ 2,500–3,000 บาท
  • วัคซีน 9 สายพันธุ์: เข็มละ 3,500–4,500 บาท

 

ข้อสรุป

การฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก เป็นวิธีป้องกันที่ดีที่สุดโดยเฉพาะในวัยเด็กและวัยรุ่น ยิ่งฉีดเร็ว ยิ่งมีประสิทธิภาพสูง การป้องกันดีกว่าการรักษาเสมอ หากยังไม่เคยฉีดวัคซีน HPV ควรปรึกษาแพทย์หรือสถานพยาบาลใกล้บ้านเพื่อความปลอดภัย

เป็นตะคริวบ่อย เรื่องเล็กน้อยที่ไม่ควรมองข้าม

ตะคริว คืออะไร

ตะคริว คือ ภาวะที่กล้ามเนื้อเกิดการหดเกร็งอย่างกะทันหัน และไม่สามารถคลายตัวได้ตามปกติ มักเกิดขึ้นบริเวณน่อง เท้า ต้นขา หรือบางครั้งในมือและนิ้ว ซึ่งสร้างความเจ็บปวดเฉียบพลันและรุนแรง อาการมักกินเวลาตั้งแต่ไม่กี่วินาทีจนถึงหลาย ๆ นาที แล้วค่อย ๆ คลายตัว บางรายอาจเกิดซ้ำในระยะเวลาใกล้เคียงกัน ทำให้ผู้ที่เป็นตะคริวบ่อย อาจรู้สึกไม่มั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน ระแวงว่าจะเป็นตะคริวตอนนอนหลับหรือแม้กระทั่งตอนกำลังออกกำลังกาย

สาเหตุหลักของการเป็นตะคริวบ่อย

  • ร่างกายขาดน้ำและเกลือแร่ ร่างกายที่เสียเหงื่อมากจากการออกกำลังกาย หรือดื่มน้ำน้อยเกินไป ทำให้ระดับแคลเซียม โพแทสเซียม และแมกนีเซียมในเลือดลดลง ส่งผลให้กล้ามเนื้อหดเกร็งผิดปกติ
  • ใช้งานกล้ามเนื้อมากเกินไป การออกกำลังกายหนักโดยไม่วอร์มอัปหรือยืดกล้ามเนื้อให้เพียงพอ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนล้าและเกิดตะคริวได้ง่าย
  • ตั้งครรภ์ คุณแม่ตั้งครรภ์หลายคนมีอาการ เป็นตะคริวบ่อย เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและภาระที่เพิ่มขึ้นในระบบไหลเวียนเลือด
  • อายุที่มากขึ้น เมื่ออายุมากขึ้น กล้ามเนื้อและเส้นประสาทเสื่อมสภาพ ทำให้โอกาสเกิดตะคริวสูงขึ้น โดยเฉพาะในผู้ที่ไม่ค่อยเคลื่อนไหวร่างกาย
  • การทำท่าทางซ้ำซากหรือนั่งซ้ำท่าเดิมนานเกิดไป เช่น การนั่งพับเพียบ นั่งไขว่ห้าง หรือนั่งกับพื้นนาน ๆ อาจทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดี จนกล้ามเนื้อเกิดตะคริว
  • การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาขับปัสสาวะ ยาลดความดัน หรือยาคลายกล้ามเนื้อบางชนิด อาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดตะคริวได้

 

เป็นตะคริวบ่อย อันตรายไหม

ขึ้นอยู่กับสาเหตุหากเป็นตะคริวเพียงแค่บางครั้งจากการออกกำลังกายหนัก หรือดื่มน้ำน้อย ส่วนใหญ่มักไม่อันตราย แต่หากเป็นตะคริวบ่อย โดยไม่มีสาเหตุชัดเจน โดยเฉพาะตะคริวตอนกลางคืนหรือตะคริวที่มากับอาการอื่น เช่น ชาตามปลายมือปลายเท้า กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือเหนื่อยง่าย ควรรีบพบแพทย์ทันที เพราะอาจเกี่ยวข้องกับโรคทางระบบประสาท หรือปัญหาไต หัวใจ และระบบไหลเวียนเลือด

 

เทคนิคแก้เมื่อเป็นตะคริว

  • ยืดกล้ามเนื้อที่เป็นตะคริว อย่างเช่น หากเป็นที่น่อง ให้เหยียดขาและดึงปลายเท้าเข้าหาตัวช้า ๆ
  • นวดกล้ามเนื้อเบา ๆ เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว
  • ประคบร้อน เพื่อคลายกล้ามเนื้อ หรือประคบเย็นหากมีอาการปวดร่วม
  • เดินเบา ๆ หรือขยับกล้ามเนื้อส่วนที่เป็นตะคริวหลังจากคลาย เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด

 

สรุป

การเป็นตะคริวบ่อย จะอันตรายหรือไม่อันตรายขึ้นอยู่กับสาเหตุและอาการร่วมที่เกิดขึ้น แต่โดยปกติทั่วไปแล้วจะไม่อันตราย สามารถหายไปได้เองภายในระยะเวลาไม่นาน แต่ก็ไม่ควรมองข้าม เพราะในหลาย ๆ ครั้งการเป็นตะคริวก็บ่งบอกถึงอาการบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในร่างกาย หากเป็นตะคริวบ่อยจนผิดปกติควรพบแพทย์เพื่อได้รับคำวินิจฉัยที่ถูกต้องและแม่นยำ ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาร้ายแรง